บทนำ
กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (ต่อไปในนโยบายนี้เรียกว่า “พปส.” หรือ “องค์กร”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่นอันเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (รวมเรียกว่า “ข้อมูล”) เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถเชื่อมั่นได้ว่า พปส. มีความโปร่งใสและความรับผิดชอบ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) นี้จึงได้ถูกจัดทำขึ้น เพื่อชี้แจงแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งดำเนินการโดย พปส. รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องผู้ดำเนินการแทนหรือในนามของ พปส. โดยมีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้
วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
พปส. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ หลายประการ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของกิจกรรมหรือบริการที่ พปส. นำเสนอ ตลอดจนลักษณะความสัมพันธ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับ พปส. หรือข้อพิจารณาในแต่ละบริบทเป็นสำคัญ โดยวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ พปส. เป็นการทั่วไป
- เพื่อใช้ในการพิจารณาให้ทุน
- เพื่อใช้ในการจัดทำสัญญาให้ทุน
- เพื่อใช้ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการที่ได้รับทุน
- เพื่อใช้ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของโครงการที่ได้รับทุน
- เพื่อใช้ในการพิจาณาจัดชื้อและจัดจ้าง
- เพื่อใช้ในการจัดทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง
- เพื่อใช้ในการตรวจรับงานซื้อหรืองานจ้าง
- เพื่อใช้ในการบริหารงานบุคคล และบุคคลในครอบครัวของเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของ พปส.
- เพื่อใช้ในการสรรหากรรมการและอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
- เพื่อใช้ในการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และที่ปรึกษา
- เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมและโครงการต่างๆ ของกองทุนฯ
- เพื่อใช้ในการบริหารงบประมาณและการเงินของ พปส. (เช่น เปิดบัญชี การเคลียร์เงินยืม การจ่ายค่าตอบแทน)
- เพื่อดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง (เช่น การรายงานผลให้แก่ ครม. สส. สว. ทราบ)
- เพื่อควบคุมดูแล ใช้งาน ติดตาม ตรวจสอบและบริหารจัดการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกและสอดคล้องกับความต้องการของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น การบันทึกภาพโดยใช้กล้อง CCTV)
- เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้ทันสมัย รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับบริการของ พปส. (เช่น วิเคราะห์แนวโน้มการขอรับทุน ประเมินความพึงพอใจ)
- เพื่อป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำที่ต้องห้าม หรือผิดกฎหมาย และอาจเกิดความเสียหายต่อทั้ง พปส. และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น ตรวจสอบการโจมตีทางไชเบอร์)
- เพื่อการยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตน และตรวจสอบข้อมูลเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสมัครใช้บริการของ พปส. หรือติดต่อใช้บริการ หรือใช้สิทธิตามกฎหมาย (เช่น การลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบ PM การใช้อีเมลของกองทุนฯ เป็นต้น)
- เพื่อส่งการแจ้งเตือน การยืนยันการทำคำสั่ง ติดต่อสื่อสารและแจ้งข่าวสารไปยังเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น การแจ้งอีเมลเวียนคำสั่งของกองทุนฯ แจ้งสถานะโครงการแก่ผู้รับทุน)
- เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าถึงและใช้บริการของ พปส. อย่างไร ทั้งในภาพรวมและรายบุคคล และเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการค้นคว้า และการวิเคราะห์ (เช่น สถิติและพฤติกรรมการเข้าใช้ฐานข้อมูล (E-library) ในอนาคต)
- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่ พปส. มีต่อหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุม หน่วยงานด้านภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันตามกฎหมายของ พปส.
- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของ พปส. หรือของบุคคลอื่น หรือของนิติบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการการดำเนินการของ พปส.
- เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่งที่มีผลบังคับใช้ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความ การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลตามหมายศาล รวมถึงการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ขอบเขตการนำนโยบายไปปรับใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายนี้ใช้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับ พปส. ในปัจจุบันและที่อาจมี ในอนาคต ซึ่งถูกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดย คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน ที่ปรึกษา เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง และลูกจ้างเหมาบริการของ พปส.รวมถึงคู่สัญญาและบุคคลภายนอกที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ พปส. (“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”)
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับ พปส. ตามความในวรรคแรก ได้แก่
- ผู้ขอรับทุน
- ผู้ยื่นข้อเสนอในการจัดซื้อหรือจัดจ้าง
- ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง
- กรรมการ อนุกรรมการ คณะทำงาน และที่ปรึกษา
- บุคคลที่เป็นภาคีเครือข่ายของ พปส. (เช่น การลงชื่อเข้าร่วมงานอบรม ประชุม หรือสัมมนา เป็นต้น)
- บุคคลอื่นที่ พปส. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ ผู้ค้ำประกัน ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัย ที่ปรึกษาและผู้ร่วมดำเนินโครงการที่หัวหน้าโครงการได้ระบุชื่อมาในคำขอรับทุน เป็นต้น
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว พปส. อาจกำหนดให้มีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) สำหรับกิจกรรมหรือบริการของ พปส. เพื่อชี้แจงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้ใช้บริการได้ทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมีในผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นเป็นการเฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ ให้ถือตามความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริการนั้น
คำนิยาม
- พปส. หมายถึง กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
- สำนักงานฯ หมายถึง สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
- ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
- ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด (ให้ สยามดาต้าตรวจสอบข้อมูลฟิลด์เหล่านี้ว่ามีหรือไม่ ลิสรายชื่อออกมาเพื่อดำเนินการแจ้งให้ทราบในภายหลัง)
- การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
- เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ พปส. เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
- ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งตามนโยบายฉบับนี้หมายถึง พปส. และ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน ที่ปรึกษา ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง และลูกจ้างเหมาบริการของ พปส.
- ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งตามนโยบายฉบับนี้หมายถึง บุคคลหรือ นิติบุคคลที่ พปส. ส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้ดำเนินการประมวลผลแทน พปส.
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่ พปส. เก็บรวบรวม
พปส. เก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูล ดังต่อไปนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ พปส. เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการต่าง ๆ เช่น ขั้นตอนการลงทะเบียน การขอรับทุน สมัครงาน ลงนามในสัญญา กรอกแบบสำรวจ ขออนุญาตใช้สิทธิ ใช้บริการต่างๆ ของ พปส. หรือช่องทางให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแลโดย พปส. หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับ พปส. ณ ที่ทำการหรือผ่านช่องทางติดต่อสื่อสารอื่นที่ควบคุมดูแลโดย พปส. เป็นต้น
- ข้อมูลที่ พปส. เก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่น ๆ ตามสัญญาหรือตามพันธกิจ เช่น การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของ พปส. ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ พปส. เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่ พปส. เช่น การเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการเพื่อประโยชน์สาธารณะแบบเบ็ดเสร็จแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเอง การรับข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นในฐานะที่ พปส. มีหน้าที่ตามพันธกิจในการดำเนินการจัดให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล รวมถึงจากความจำเป็นเพื่อให้บริการตามสัญญาที่อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลกับหน่วยงานคู่สัญญาได้
นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่ พปส. ดังนั้น เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายนี้ ให้บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลนั้นหากเป็นกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลแก่ พปส.
ฐานที่ชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
พปส. พิจารณากำหนดฐานที่ชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บริการ ทั้งนี้ ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ พปส. ใช้ประกอบด้วย
ฐานที่ชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียด |
ฐานความยินยอม (Consent) (มาตรา ๒๔ วรรค ๑) | เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ยื่นข้อเสนอขอรับทุนหรือ ยื่นข้อเสนอในการจัดซื้อหรือจัดจ้างหรือสมัครงานหรือใช้บริการของ พปส. จะต้องให้ความยินยอมแก่ พปส. ในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้ในการพิจารณาอนุมัติ |
ฐานสัญญา (Contract) (มาตรา ๒๔ วรรค ๑ (๓)) | เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าทำสัญญากับ พปส. เจ้าของข้อมูลจะต้องอนุญาตให้ พปส. ดำเนินการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่และดำเนินการต่างๆ ตามสัญญา เช่น สัญญาให้ทุน สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาจ้างทำของ สัญญาซื้อขาย สัญญาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้น |
ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) (มาตรา ๒๔ วรรค ๑ (๖)) | พปส. มีหน้าที่ตามกฏหมายที่จะต้องดำเนินการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การดำเนินการแจ้งข้อมูลพนักงานและลูกจ้างตามกฏหมายประกันสังคม การปฏิบัติตามประมวลกฏหมายรัษฏากร การพิจารณาอนุมัติโครงการต่างๆ ที่ขอรับทุน การจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เป็นต้น |
ฐานการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ หรือจดหมายเหตุ หรือการศึกษาวิจัย หรือจัดเก็บสถิติ (มาตรา ๒๔ วรรค ๑ (๑)) | พปส. มีการดำเนินการศึกษาวิจัย และจัดเก็บสถิติตามกรอบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง พปส. จึงมีการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล |
ฐานการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ (มาตรา ๒๔ วรรค ๑ (๔)) | พปส. มีภารกิจในการเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ ดังนั้นจึงมีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูล ประมวลผล และส่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ให้แก่หน่วยงานภายนอก |
ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือต่อสุขภาพของบุคคล (มาตรา ๒๔ วรรค ๑ (๒)) | พปส. หรือตัวแทนมีหน้าที่ดำเนินการส่งเสริมให้มีสื่อที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึงซึ่งรวมถึงการจัดให้มีสื่อหรือช่องทางการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายหรือขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ |
ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ พปส. หรือตัวแทน (มาตรา ๒๔ วรรค ๑ (๕)) | พปส. อาจนำข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้ในการจัดทำคำของบประมาณต่อ กสทช. |
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธ คัดค้าน หรือเพิกถอนการเก็บรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พปส. จะพยายามดำเนินการให้ตามที่ร้องขอทุกประการ แต่ในบางกรณี พปส. อาจไม่สามารถดำเนินการให้ตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอได้ทั้งหมด หรือในบางกณี การดำเนินการตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขออาจกระทบถึงการให้บริการบางอย่างแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเอง ในกรณีดังกล่าว พปส. จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบเพื่อยืนยันเจตนาของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ พปส. เก็บรวบรวม
พปส. อาจเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการบริการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือบริบทความสัมพันธ์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีกับ พปส. รวมถึงข้อพิจารณาอื่นที่มีผลกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยประเภทของข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของ พปส. เป็นการทั่วไป
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียดและตัวอย่าง |
ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล | ข้อมูลระบุชื่อสกุลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอาจมาจากการกรอกแบบฟอร์มของ พปส. หรือจากเอกสารราชการ หรือจากระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ที่ระบุข้อมูลเฉพาะตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ชื่อกลาง ชื่อเล่น วันเดือนปีเกิด ลายมือชื่อ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ เชื้อชาติ กลุ่มเลือด สถานภาพการสมรส สถานภาพการเกณฑ์ทหาร ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย เลขที่ใบขับขี่ เลขที่หนังสือเดินทาง ข้อมูลทะเบียนบ้าน หมายเลขใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ (สำหรับแต่ละอาชีพ) หมายเลขประจำตัวผู้ประกันตน หมายเลขประกันสังคม หมายเลขทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล | ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ รูปถ่าย ภาษาพูด ข้อมูลพฤติกรรม ความชื่นชอบ ข้อมูลการเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ข้อมูลเกี่ยวกับความพิการ เป็นต้น |
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ | ข้อมูลเพื่อการติดต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ที่อยู่ทางไปรษณีย์บ้าน ชื่อที่ใช้ติดต่อในสังคมออนไลน์ (เช่น Line,ชื่อบัญชี facebook, ชื่อบัญชี IG, ชื่อบัญชี Twitter, ชื่อบัญชี Clubhouse) แผนที่ตั้งของ ที่พัก เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา | รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ความเชี่ยวชาญ สถานภาพใบอนุญาตทำงาน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง ประวัติการดำรงตำแหน่ง ประวัติการทำงาน ประวัติการฝึกอบรมดูงาน ข้อมูลเงินเดือน วันเริ่มงาน วันออกจากงาน ผลการประเมิน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ ผลงาน สถาบันการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา วันที่สำเร็จการศึกษา เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัย | รายละเอียดเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยผู้ปฏิบัติงาน เช่น ผู้รับประกันภัย ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หมายเลขกรมธรรม์ ประเภทกรมธรรม์ วงเงินคุ้มครอง ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลม เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ระบบสารสนเทศของ พปส. | ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลจะต้องกรอกในระบบสารสนเทศของ พปส. เพื่อเข้าใช้งาน เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลระบุพิกัด ภาพถ่าย วีดีโอ บันทึกเสียง หมายเลขอุปกรณ์ (Device ID) ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน (เว็บไซต์ที่อยู่ในความดูแลของ พปส. เช่น www.thaimediafund.or.th หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ) ประวัติการสืบค้น คุกกี้ หรือเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน เป็นต้น |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน | ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ข้อมูลศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ข้อมูลความพิการ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น |
คุกกี้
พปส. เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ พปส. เช่น www.thaimediafund.or.th หรือบนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามแต่บริการ ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของ พปส. และเพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของ พปส. และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของ พปส. ให้ตรงกับความต้องการของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถและคนเสมือนไร้ความสามารถ
กรณีที่ พปส. ทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมในการเก็บรวบรวม เป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ พปส. จะไม่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจนกว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
กรณีที่ พปส. ไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และมาพบในภายหลังว่า พปส. ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยยังมิได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ดังนี้ พปส. จะดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็วหาก พปส. ไม่มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายประการอื่นนอกเหนือจากความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
ประเภทบุคคลที่ พปส. เปิดเผยหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้
ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในข้อ ๒ ข้างต้น พปส. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ พปส. เป็นการทั่วไป
ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล | รายละเอียด |
หน่วยงานของรัฐที่ พปส. ต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการตามกฎหมายหรือบังคับใช้กฏหมาย | พปส. อาจมีหน้าที่ตามกฏหมายที่ต้องเปิดเผยหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หรือหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมกำกับดูแล เช่น คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีผู้รักษาการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กรมการปกครอง กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมควบคุมโรค สำนักงานประกันสังคมแห่งชาติ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น |
คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายของ พปส. | พปส. อาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคล ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ คณะทำงานสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ใน พปส. คณะอนุกรรมการกลั่งกรองโครงการ เป็นต้น |
คู่สัญญาที่ พปส. จ้างดำเนินการในเรื่องต่างๆ | บุคคลภายนอกที่ พปส. จ้างให้ดำเนินการแทน พปส. ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล เช่น บริษัทที่รับจ้างจัดทำบัญชีเงินเดือน บริษัทประกันสุขภาพ ผู้รับจัดฝึกอบรมและสัมมนา ผู้รับจัดงานแสดงหรือกิจกรรมต่างๆ (Event Organisation) ธนาคาร บริษัทที่รับตรวจติดตามโครงการที่ได้รับทุนจาก พปส. ด้านการจัดเก็บข้อมูล (เช่น คลาวด์ โกดังเอกสาร) ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร เป็นต้น |
หน่วยงานหรือองค์กรที่ทำ MOU กับ พปส. | พปส. อาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ต่อหน่วยงานหรือองค์กร ที่ทำ MOU กับ พปส. ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์และความจำเป็น เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ เพื่อประโยชน์ของ พปส. และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกัน |
สาธารณชนทั่วไป | พปส. อาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต่อสาธารณะในกรณีที่จำเป็นหรือกฏหมายกำหนดให้ดำเนินการ เช่น การดำเนินการที่กำหนดให้ พปส. ต้องประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาหรือประกาศในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น ประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา เป็นต้น |
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
ในบางกรณี พปส. อาจจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการหรือเพื่อประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพื่อส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย (Server) อยู่ต่างประเทศ (เช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น) เพื่อสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย หรือเพื่ออนุญาตให้บุคคลหรือนิติบุคคลต่างประเทศนำผลงานอันประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการของ พปส. ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้งานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายกิจกรรม
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จัดทำนโยบายฉบับนี้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยังมิได้มีประกาศกำหนดรายการประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ เมื่อ พปส. มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศปลายทาง พปส. จะดำเนินการเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามมาตรฐานสากล หรือดำเนินการตามเงื่อนไขเพื่อให้สามารถส่งหรือโอนข้อมูลนั้นได้ตามกฎหมาย ได้แก่
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้ พปส. ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
- ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ตามประกาศรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด
- เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญากับ พปส. หรือเป็นการทำตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการเข้าทำสัญญานั้น
- เป็นการกระทำตามสัญญาของ พปส. กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลอื่นเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
- เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
พปส. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้น ยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว พปส. จะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล พปส. ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด
การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง
พปส. อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ พปส. ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ เช่น รับงานบริการช่วง (Outsourcing) การเป็นผู้ดูแลเว็บไชต์ (Web Hosting) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud service) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น
การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลนั้น พปส. จะจัดให้มีข้อตกลงระบุวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิและหน้าที่ของ พปส. ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิและหน้าที่ของบุคคลที่ พปส. มอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พปส. จะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วงในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่าง พปส. กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
พปส. มีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของ พปส. อย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ โดย พปส. มีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กรหรือเชิงเทคนิคที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
นอกจากนี้ เมื่อ พปส. มีการส่ง โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าเพื่อการให้บริการตามพันธกิจ ตามสัญญา หรือข้อตกลงในรูปแบบอื่น พปส. จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อยืนยันว่าข้อมูล ส่วนบุคคลที่ พปส. เก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พปส. ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ กำกับและให้คำแนะนำ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับ โดยรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ประกอบด้วย
- สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่ พปส. เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีที่ พปส. มีสิทธิปฏิเสธคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
- สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนหรือไม่เป็นปัจจุบัน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
- สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ พปส. ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
- สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ พปส. ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
- ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่ พปส. ได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้ พปส. เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย
- เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ พปส. กำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีที่ พปส. มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น พปส. สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของ พปส.)
- สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมแก่ พปส. ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้นจะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลใช้บังคับ) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรักษาโดย พปส. เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ พปส. จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับ พปส. ที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่
- สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนจาก พปส. ในรูปแบบสำเนาเอกสารหรือรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้ พปส. ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
การร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจกำกับดูแล
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่า พปส. มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว พปส. ขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อมายัง พปส. เพื่อให้ พปส. มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนในโอกาสแรก
การปรับปรุงแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พปส. อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.thaimediafund.or.th โดยระบุวันที่ประกาศใช้นโยบายที่ได้แก้ไขแต่ละฉบับกำกับอยู่
การเข้าใช้บริการของ พปส. ภายหลังการประกาศใช้นโยบายใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายใหม่แล้ว หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในนโยบายฉบับนี้ โปรดหยุดการใช้บริการและโปรดติดต่อมายัง พปส. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ พปส. หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อสอบถามได้ที่
- ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
- ชื่อ: กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
- สถานที่ติดต่อ: เลขที่ ๓๘๘ อาคารเอส.พี. (ไอบีเอ็ม) อาคารเอ ชั้น ๖ ถนนพหลโยธิน
- แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐
- ช่องทางการติดต่อ: contact@thaimediafund.or.th , saraban@thaimediafund.or.th (กรณีส่งเอกสารคำร้องทางอีเมล)
- เบอร์โทรศัพท์ : ๐๒-๒๗๓-๐๑๑๖-๙
- เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
- ชื่อ: ร้อยโท ธนกฤษฏ์ เอกโยคยะ
- สถานที่ติดต่อ: เลขที่ ๓๘๘ อาคารเอส.พี. (ไอบีเอ็ม) อาคารเอ ชั้น ๖ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐
- ช่องทางการติดต่อ: tanakrit.e@thaimediafund.or.th
- เบอร์โทรศัพท์ : ๐๒-๒๗๓-๐๑๑๖-๙ ต่อ ๒๒๒